OUR BlOG
บทความ
สาระและเคล็ดลับความสะอาด

Big Cleaning คืออะไร ทำไมถึงสำคัญกับบ้านและธุรกิจ
หลายคนอาจคิดว่าการทำความสะอาดประจำวันก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริง สิ่งสกปรกที่สะสมมาอย่างยาวนาน เช่น ฝุ่นละเอียด คราบฝังแน่น หรือเชื้อโรคที่มองไม่เห็นตาเปล่า ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการกวาดถูทั่วไป นี่คือเหตุผลที่ บริการ Big Cleaning หรือการทำความสะอาดครั้งใหญ่ เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งในบ้านพักอาศัยและพื้นที่สำนักงาน Big Cleaning คืออะไร Big Cleaning คือการทำความสะอาดครั้งใหญ่ที่เจาะลึกมากกว่าการทำความสะอาดประจำวัน โดยครอบคลุมตั้งแต่การขัดพื้น ล้างห้องน้ำ เช็ดกระจก ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์

Big Cleaning วันนี้ ไม่ต้องรอถึงสิ้นปี!
Big Cleaning วันนี้ ไม่ต้องรอถึงสิ้นปี! บริการทำความสะอาดครั้งใหญ่ (Big Cleaning) กับ Premium Saard เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดแบบครบวงจร พร้อมให้บริการ Big Cleaning สำหรับบ้านพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน คอนโดมิเนียม และสถานประกอบการทุกรูปแบบ ด้วยมาตรฐานงานบริการระดับมืออาชีพ ใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำไมลูกค้าถึงเลือกใช้บริการกับ Premium Saard?

ทำไมควรจ้างบริการ Big Cleaning อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
🧹 ทำไมควรจ้างบริการ Big Cleaning อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หลายคนอาจคิดว่าการทำความสะอาดบ้านหรือสำนักงานประจำวันก็เพียงพอแล้ว แต่จริง ๆ แล้วการ Big Cleaning หรือการทำความสะอาดครั้งใหญ่เชิงลึก (Deep Cleaning) ควรทำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพราะมีข้อดีมากมายที่การทำความสะอาดทั่วไปไม่สามารถทดแทนได้ 1. สุขภาพและความปลอดภัย กำจัดฝุ่น เชื้อรา ไรฝุ่น

น้ำยาทำความสะอาดแบบปลอดภัย
🧴 น้ำยาทำความสะอาดแบบปลอดภัย เพื่อบ้านที่น่าอยู่ การทำความสะอาดบ้านไม่ควรเน้นแค่ความสะอาดเท่านั้น แต่ยังต้องใส่ใจเรื่อง ความปลอดภัยต่อคนในครอบครัว เด็กเล็ก และสัตว์เลี้ยง ด้วย ซึ่ง “น้ำยาทำความสะอาดแบบปลอดภัย” เป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อม 🌿 ลักษณะของน้ำยาทำความสะอาดแบบปลอดภัย ปราศจากสารเคมีรุนแรง ไม่มีคลอรีน, แอมโมเนีย, ฟอสเฟต หรือสารฟอกขาวที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ทำจากส่วนผสมธรรมชาติ ใช้พืชหรือเอนไซม์จากธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้เอง (Biodegradable) ไม่ทิ้งสารตกค้าง ปลอดภัยเมื่อนำไปใช้กับพื้นที่ที่สัมผัสบ่อย เช่น

เคล็ดลับดูแลบ้านให้สะอาดเหมือนโรงแรม 5 ดาว
🏠 เคล็ดลับดูแลบ้านให้สะอาดเหมือนโรงแรม 5 ดาว หลายคนคงเคยรู้สึกประทับใจกับความสะอาด เรียบร้อย และบรรยากาศน่าพักผ่อนของโรงแรม 5 ดาว ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถนำหลักการนั้นมาประยุกต์ใช้ในบ้านของเราได้ง่าย ๆ เพียงใส่ใจรายละเอียดและมีวินัยในการดูแลอย่างสม่ำเสมอ 1. ทำความสะอาดแบบ “โซนต่อโซน” แบ่งพื้นที่บ้านเป็นโซน เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ทำความสะอาดทีละโซนให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนย้ายไปส่วนอื่น วิธีนี้ช่วยให้บ้านสะอาดทั่วถึง ไม่หลุดรายละเอียด

เทคโนโลยีทำความสะอาดสมัยใหม่ที่ควรรู้จัก
🧹 เทคโนโลยีทำความสะอาดสมัยใหม่ที่ควรรู้จัก โลกยุคใหม่ไม่ได้มีแค่การกวาด ถู ดูดฝุ่นแบบเดิม ๆ อีกต่อไป แต่ยังมี เทคโนโลยีล้ำสมัย ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้บ้านและสำนักงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ ประหยัดแรง และปลอดภัยต่อสุขภาพมากขึ้น 1. หุ่นยนต์ดูดฝุ่นและถูพื้น (Robot Vacuum & Mop) ใช้ระบบ AI และเซ็นเซอร์ เพื่อจดจำแผนที่บ้าน หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง สามารถตั้งเวลาทำความสะอาดอัตโนมัติได้ รุ่นใหม่

วิธีทำความสะอาดกระจกให้ใสเหมือนใหม่
🪟 วิธีทำความสะอาดกระจกให้ใสเหมือนใหม่ กระจกที่ขุ่นมัว เต็มไปด้วยคราบน้ำหรือรอยนิ้วมือ ทำให้บ้านดูหมองและไม่น่าอยู่ ทั้งที่จริงแล้วการทำความสะอาดกระจกให้ใสเหมือนใหม่ไม่ยากเลย เพียงใช้เทคนิคง่าย ๆ เหล่านี้ 1. เตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสม น้ำยาเช็ดกระจกสูตรปลอดภัย (หรือจะทำเองก็ได้: น้ำส้มสายชู + น้ำเปล่า) ผ้าไมโครไฟเบอร์ (ดูดซับคราบและไม่ทิ้งรอยขุย) ฟองน้ำ/สเปรย์น้ำ ไม้ปาดกระจก (Squeegee) สำหรับเช็ดให้แห้งและเงางาม 2. สูตรน้ำยาทำความสะอาดกระจกแบบ DIY

ปัญหาฝุ่นและไรฝุ่น กับสุขภาพของคุณ
🌫️ ปัญหาฝุ่นและไรฝุ่น กับสุขภาพของคุณ หลายคนอาจไม่ทันสังเกตว่า “ฝุ่น” และ “ไรฝุ่น” คือศัตรูเงียบที่อยู่ใกล้ตัวในบ้าน โดยเฉพาะบนที่นอน พรม ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ผ้าเป็นส่วนประกอบ หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ดูแลอย่างถูกวิธี อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างคาดไม่ถึง 🪳 ฝุ่นและไรฝุ่นคืออะไร? ฝุ่น (Dust) อนุภาคเล็ก ๆ จากดิน เศษผิวหนัง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ และสารแขวนลอยในอากาศ

การดูแลพรมให้สะอาดและยืดอายุการใช้งาน
🧼 การดูแลพรมให้สะอาดและยืดอายุการใช้งาน พรมเป็นของตกแต่งบ้านที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและความอบอุ่น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งสะสมฝุ่น ไรฝุ่น และคราบสกปรกได้ง่าย หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี พรมอาจเสื่อมสภาพเร็วและกลายเป็นปัญหาสุขภาพได้ 📍 ปัญหาที่มักเกิดขึ้นกับพรม สะสมฝุ่นและไรฝุ่น → กระตุ้นอาการภูมิแพ้และหอบหืด คราบอาหารหรือเครื่องดื่ม → ทำให้พรมหมองและมีกลิ่น ความชื้น → ก่อให้เกิดเชื้อราและกลิ่นอับ การเหยียบย่ำบ่อย ๆ → ทำให้เส้นใยพรมเสียรูปและเสื่อมคุณภาพเร็ว 🪣 วิธีดูแลพรมให้สะอาด
การันตีความพึงพอใจ
- เก็บงานฟรี หากไม่เรียบร้อย
- ประเมินปัญหาหน้างานเบื้องต้นก่อนเริ่ม
- ตรวจประวัติพนักงานทุกคน
- มีใบเสร็จรับรองการจบงาน
